ปราชญ์ชาวบ้าน

ลำดับที่

รายการ

ดาวน์โหลดเอกสาร

1

ฐานข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่น(จากINFO)

ดาวน์โหลดเอกสาร 

2

ฐานข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่น

ดาวน์โหลดเอกสาร

3

ทำเนียบภูมิปัญญาท้องถิ่น

ดาวน์โหลดเอกสาร

4

ฐานข้อมูลตลาด

ดาวน์โหลดเอกสาร

5

แผ่นพับภูมิปัญญาท้องถิ่น

ดาวน์โหลดเอกสาร

6

ข่าวประชาสัมพันธ์

ดาวน์โหลดเอกสาร

ภูมิปัญญาด้านการเกษตรผสมผสาน

การทำเกษตรผสมผสานหมุนเวียน ช่วยให้ชาวบ้านสามารถใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด สามารถลดรายจ่ายในการซื้อวัตถุดิบในการประกอบอาหาร มีความมั่นคงทางด้านรายได้อย่างต่อเนื่องจากการ ขายผลผลิตทางการเกษตร มีความมั่นคง และมีอิสระในการใช้ชีวิต ลดการพึ่งพาจากภายนอก ใช้แรงงานในการ ทำเกษตรจากครัวเรือน อาศัยช่วยกันทำคนละไม้คนละมือ

บุคคลต้นแบบด้านการเกษตรผสมผสาน หรือเกษตรทฤษฎีใหม่ ได้แก่ นายพิมล  กระจับเงิน และนายสนิท  เหมือนแก้ว เป็นเกษตรกรตำบลบ้านฉาง หมู่ที่ 2 เป็นเกษตรกรที่ปลูกพืชแบบผสมผสาน  พืชสวนครัว ได้แก่ มะเขือ พริก แตงกวา กระเพรา สมุนไพรต่างๆ อีกทั้งทำนาเพื่อเพิ่มผลผลิตแก่ครัวเรือน ขุดบ่อน้ำเลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ด ตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่

S__3342374.jpgS__3342372.jpgS__3342381.jpgS__3342366.jpg

jjjjjjk

เกษตรตามแนว "ทฤษฎีใหม่"

"ทฤษฎีใหม่" เป็นแนวทางหรือหลักในการบริหารจัดการที่ดินและน้ำ เพื่อการเกษตรในที่ดินขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำรินี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบความยากลำบาก ให้สามารถผ่านช่วงวิกฤต โดยเฉพาะการขาดแคลนน้ำได้โดยไม่เดือดร้อนและยากลำบากนัก

 

การดำเนินงานตามทฤษฎีใหม่มี 3 ขั้นตอน คือ
1 ) การผลิต ให้พึ่งตนเองด้วยวิธีง่าย ค่อยเป็นค่อยไปตามกำลัง ให้พอมีพอกิน
2 ) การรวมพลังกันในรูปแบบ หรือ สหกรณ์ ร่วมแรงร่วมใจกัน ในด้านการผลิต การตลาด ความเป็นอยู่ สวัสดิการ การศึกษา สังคมและศาสนา
3 ) การดำเนินธุรกิจโดยติดต่อ ประสานงาน จัดหาทุนหรือแหล่งเงิน

ในขั้นแรกที่เป็นการผลิต ถือเป็นขั้นสำคัญที่สุด ให้แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ตามอัตราส่วน 30 : 30 : 30 : 10 ดังนี้

ขุดสระเก็บกักน้ำ
พื้นที่ประมาณ 30% ให้ขุดสระเก็บกักน้ำ เพื่อให้มีน้ำใช้สม่ำเสมอตลอดปี โดยเก็บกักน้ำฝนในฤดูฝน และใช้เสริมการปลูกพืชในฤดูแล้ง หรือระยะฝนทิ้งช่วง ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์ และพืชน้ำต่างๆ เช่น ผักบุ้ง ผักกระเฉด โสน ฯลฯ

ปลูกข้าว
พื้นที่ประมาณ 30 % ให้ปลูกข้าวในฤดูฝน เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวันสำหรับครัวเรือนให้เพียงพอตลอดปี โดยไม่ต้องซื้อหาในราคาแพง เป็นการลดค่าใช้จ่าย และสามารพึ่งตนเองได้

ปลูกผลไม้ ไม้ยืนต้น พืชไร่ พืชผัก
พื้นที่ประมาณ 30 % ให้ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชไร่ พืชผัก พืชสมุนไพร ฯลฯ อย่างผสมผสานกัน และหลากหลายในพื้นที่เดียวกัน เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวัน หากเหลือจากการบริโภคก็นำไปขายได้

เป็นที่อยู่อาศัย และอื่นๆ
พื้นที่ประมาณ 10 % ใช้เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ถนนหนทาง คันดิน โรงเรือนและสิ่งก่อสร้างอื่น๐ รวมทั้งคอกเลี้ยงสัตว์ เรือนเพาะชำ ฉางเก็บผลิตผลการเกษตร ฯลฯ